แม้จะมีประกันรถยนต์ไว้อุ่นใจ แต่เชื่อว่าอุบัติเหตุเป็นเรื่องที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดกับตนเอง และรถคู่ใจอย่างแน่นอน เพราะมีแต่จะนำมาซึ่งความสูญเสียทั้งเวลา ทรัพย์ หรืออาจถึงแก่ชีวิต แต่อย่างไรก็ตามสิ่งไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้เสมอครับ สิ่งที่เราทำได้ก็คือ ศึกษาข้อมูลเพื่อเตรียมรับมือ และสติที่ต้องพกพาไปตลอดเส้นทางขับขี่ 

วันนี้น้องนินได้นำสาระน่ารู้เกี่ยวกับ “การเคลม” ว่าด้วยเรื่องความแตกต่าง ระหว่าง “การเคลมสด” และ “การเคลมแห้ง” ศัพท์ทางประกันภัยที่ผู้ขับขี่มือใหม่ หรือหลายๆ ท่านอาจจะไม่ทราบรายละเอียดและความแตกต่างครับ การเคลมทั้ง 2 แบบ คืออะไร และประกันรถยนต์ประเภทไหนเคลมอะไรได้บ้าง ไปติดตามกันเลยครับ

“เคลมสด” คือ การเคลมอันเนื่องมาจากเหตุซึ่งหน้าที่มีคู่กรณี เช่น อุบัติเหตุรถชนกัน หรือเหตุที่มีผู้บาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้เมื่อเกิดขึ้นควรแจ้งเหตุกับบริษัทประกันที่เราทำเอาไว้ทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามาเก็บหลักฐานต่างๆ ณ จุดเกิดเหตุ เช่น ถ่ายรูปความเสียหาย และออกใบเคลมพื่อให้สามารถนำรถไปซ่อม โดยมากประกันรถชั้น 1, 2+, 3+ สามารถใช้ใบเคลม และนำรถเข้าซ่อมได้เลย เพราะเป็นแผนประกันที่คุ้มครองตัวรถทั้งของเราและของคู่กรณี เแต่หากเป็นประเภทที่ไม่คุ้มครองตัวรถ เช่น ประกันรถชั้น 2 หรือ 3 ผู้เอาประกันจะต้องรับผิดชอบค่าซ่อมตัวรถเอง และกรณีที่มีผู้บาดเจ็บควรมีการแจ้งความที่โรงพัก สำหรับท่านที่มีประกันรถยนต์ชั้น 1 หากเกิดเหตุชนกับสิ่งของ เช่น เสาไฟฟ้า (สามารถนับเป็นคู่กรณี) โทรแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อปรึกษา และรับการเคลมได้เช่นกัน (ลดโอกาสชำระค่าเสียหายส่วนแรก หากไปเคลมแห้งภายหลัง)

เอกสารที่ต้องใช้ ได้แก่ ใบขับขี่ และหน้ากรมธรรม์ประกันภัยที่เราทำไว้
แนวทางการรับมือเมื่อเกิดเหตุ :
• ไม่ควรเคลื่อนย้าย ขยับรถออกจากจุดเกิดเหตุ
• โทรหาเจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัยโดยให้รายละเอียด เลขทะเบียนรถยนต์ เลขกรมธรรม์ ชื่อและเบอร์โทร ผู้ขับขี่ แจ้งจุดเกิดเหตุ และเหตุการณ์คร่าวๆ อาจถ่ายภาพหลักฐานในที่เกิดเหตุด้วยตนเองเบื้องต้น
• เมื่อเจ้าหน้าที่บริษัทประกันมาถึงจุดเกิดเหตุ จะมีการดำเนินการเก็บหลักฐานและออกใบเคลมที่ระบุรายละเอียดความเสียหายของรถ
• นำรถไปซ่อมที่ศูนย์หรืออู่ซ่อมในเครือของบริษัทประกันภัย โดยทางศูนย์ซ่อมจะประเมินราคาค่าซ่อม และวางบิลกับบริษัทประกันภัย
• รับใบรับรถเพื่อทราบรายละเอียดในการซ่อม และใช้เพื่อรับรถเมื่อซ่อมเสร็จ นอกจากนั้นควรเก็บใบเสร็จการซ่อมไว้เพื่อเป็นหลักฐานในภายหลังกรณีการซ่อมมีปัญหา