ขายรถ-เปลี่ยนมือเจ้าของ
ประกันที่ทำไว้ควรยกเลิกหรือแถม?

          นอกเหนือจากการให้บริการด้านประกันภัยแล้ว ทีที อินชัวรันซ์ โบรกเกอร์ หรือ TTIB ยังยินดีให้คำปรึกษาข้อสงสัยด้านประกันภัยรถยนต์ให้กับลูกค้าด้วย กรณีศึกษาวันนี้เป็นคำถามจากทางบ้านที่น่าสนใจทีเดียวเกี่ยวกับการทำประกันภัยรถยนต์แล้วแต่ต่อมามีเหตุให้ขายรถยนต์ หรือว่ารถคันที่ทำประกันเอาไว้ถูกเปลี่ยนมือเจ้าของไปเป็นของคนอื่น ประกันรถที่เราเคยทำเอาไว้ควรยกเลิกหรือไม่ มีผลดีหรือว่าผลเสียอย่างไรทั้งต่อเจ้าของรถเดิม และเจ้าของรถคันใหม่ ‘รอบรู้เรื่องรถ’ จึงนำมาจัดทำเป็นบทความให้ความรู้แก่เจ้าของรถเกี่ยวกับประเด็นนี้เผื่อเป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจก่อนขาย หรือก่อนซื้อรถยนต์กัน ใด ๆ คือมีประกันรถยนต์ไว้ อุ่นใจกว่าไม่มีแน่นอนครับ

          หากใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ราคาดี ทั้งรายเดือน และรายปี และต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องความคุ้มครองหรือเงื่อนไขการทำประกันภัย สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัยรถยนต์ของ TT Insurance Broker ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายที่ช่องทางการติดต่อ Facebook page: TT Insurance Broker, Line official @TTIB หรือ หมายเลขโทรศัพท์ 02-248-4848 วันจันทร์-ศุกร์ในเวลาทำการ 08.30-17.00 น. คลิกเลย

ประกันรถยนต์แบบไม่ระบุตัวผู้ขับ
          ก่อนอื่นต้องทราบก่อนว่า ประกันรถยนต์โดยทั่วไปนั้น เป็นการทำเฉพาะรถคันหนึ่ง ๆ โดยมีการระบุข้อมูลจำเพาะของรถคันนั้น ๆ ต่อกรมธรรม์เอาไว้ เช่น เลขทะเบียนรถ หมายเลขตัวถัง ยี่ห้อ รุ่น ปี รถ หมายความว่าประกันรถยนต์นั้นจะให้ความคุ้มครองตามสัญญาต่อรถคันนั้นเท่านั้น หลังจากการชำระเงินและออกเล่มกรมธรรม์แล้วก็จะได้รับความคุ้มครองจนครบสัญญา ตามเงื่อนไขประกันภัยที่ตกลงไว้ตามกรมธรรม์ เช่น ประกันรถยนต์รายปี ให้ความคุ้มครองเต็มปี ไม่ว่าจะเกิดเหตุในช่วงใด หรือว่าใครเป็นคนขับก็สามารถเคลมได้ นั่นหมายความว่าต่อให้เปลี่ยนมือเจ้าของไปแล้ว แต่รถคันนั้นไม่ได้มีการยกเลิกประกันภัย ก็ยังให้ความคุ้มครองกับเจ้าของใหม่ด้วย (แต่ต้องเป็นการใช้รถที่ถูกตามประเภทการใช้งานของรถที่แจ้งทำประกัน ผู้ขับขี่มีใบขับขี่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ได้ผิดเงื่อนไขการเอาประกันด้วยนะครับ) ซึ่งหากเจ้าของรถคันเดิมทำประกันเอาไว้ และประสงค์ส่งต่อให้ติดกับตัวรถไปด้วยนั้น ก็สามารถทำได้ โดยอาจส่งมอบรายละเอียดกรมธรรม์ให้กับเจ้าของรถคันใหม่ไว้ด้วย เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการต่ออายุ หรือเคลมประกันรถยนต์ต่อไปได้

          สิ่งที่เจ้าของรถคันเดิมต้องทำเพิ่มเติมคือแจ้งไปยังบริษัทประกัน หรือโบรกเกอร์ประกันภัยที่ดูแลประกันของท่าน ถึงการเปลี่ยนแปลงเจ้าของรถคันดังกล่าว เพื่อให้ทางเจ้าหน้าดำเนินการอัปเดตข้อมูล หรือสลักหลังข้อมูลเอาไว้ และกรณีที่เจ้าของเดิมซื้อประกันภัยแบบจ่ายผ่อน หรือชำระเป็นแบบรายเดือน ควรคุยรายละเอียดการผ่อนชำระ รอบจ่าย รวมไปถึงวันที่ประกันภัยหมดอายุที่ถูกต้องให้กับเจ้าของรถคันใหม่ทราบรายละเอียดด้วย ไม่เช่นนั้นประกันอาจขาดการต่ออายุความ และไม่ได้รับความคุ้มครอง 

          ข้อดีของการให้รถมีประกันติดไปด้วยคือ อาจทำให้การขายรถง่ายขึ้น เพราะเป็นรถที่มีประกัน พร้อมสำหรับการใช้งานขับขี่อย่างต่อเนื่อง แต่กรณีที่ยกเลิกประกันรถยนต์ก่อนขายรถก็มีข้อดีเช่นกัน คือ เจ้าของรถเดิมจะได้รับส่วนต่างเบี้ยประกันภัยคืนบางส่วน (ตามอัตราการคืนเงิน) และไม่มีภาระผูกพันหลังการขาย (เช่น การชำระเงิน ข้อมูลเกี่ยวกับกรมธรรม์ หรืออื่น ๆ) อย่างไรก็ตามหากเป็นประกันรถแบบผ่อนชำระแล้วเราไม่ประสงค์จะส่งต่อประกันให้กับเจ้าของคันใหม่ ก็ควรแจ้งยกเลิกกับบริษัทประกันครับ เพื่อไม่ให้เสียประวัติจากการหยุดชำระโดยไม่มีเหตุผล

ประกันแบบระบุตัวผู้ขับขี่
          หากประกันรถยนต์มีการระบุชื่อผู้ขับในกรณีทำประกันแบบระบุตัวคนขับ (ในประกันรถยนต์ชั้น 1) จะไม่สามารถโอนสิทธิตามกรมธรรม์ให้กับเจ้าของรถคนใหม่หรือผู้อื่นที่มาขับรถได้ เนื่องจากไม่ใช่บุคคลที่ระบุไว้ตามกรมธรรม์ ซึ่งจะส่งผลให้การเคลมมีค่าเสียหายส่วนแรก 6,000 บาท (หรือมีอื่น ๆ ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์) สิ่งที่เจ้าของรถเดิมสามารถทำได้ คือ ยกเลิกประกันรถ และรับเงินส่วนต่างค่าเบี้ยประกันคืน หรือแจ้งไปยังบริษัทประกันเพื่อออกสลักหลังให้แก่เจ้าของใหม่ ซึ่งอาจมีการคำนวณเบี้ยประกันใหม่ เนื่องจากประกันแบบระบุชื่อพิจารณาค่าเบี้ยประกันตามคุณสมบัติของผู้เอาประกันภัย (เช่น อายุ สุขภาพ ประวัติการขับขี่) จึงแนะนำว่าการยกเลิกประกันภัยเดิมอาจจะเป็นผลดีต่อเจ้าของรถคนเดิมเพราะว่าไม่ต้องดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายที่อาจเพิ่มขึ้น 

          และยังส่งผลดีต่อเจ้าของรถคนใหม่เช่นกัน เพราะหากเลือกทำประกันภัยใหม่เองก็อาจได้เลือกประกันที่ถูกใจได้ เช่น ได้รับเบี้ยที่ถูกกว่า ได้รับความคุ้มครองที่เหมาะกับการขับขี่ ได้รับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ จากบริษัทประกันภัย ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าของรถคนใหม่ก็อาจต้องรีบพิจารณาเรื่องการซื้อประกันให้รถได้รับความคุ้มครองอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของตัวเราเองและผู้ใช้รถใช้ถนนท่านอื่น ๆ ด้วย

          โดยสรุปแล้ว ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายรถ ควรพูดคุยกันเรื่องรายละเอียดและความประสงค์ในด้านประกันภัย หากเป็นประกันที่ไม่ระบุผู้ขับขี่ และเบี้ยประกันชำระครบถ้วนแล้ว การส่งต่อความคุ้มครองตามกรมธรรม์เดิมอาจไม่ยุ่งยากและไม่มีภาระผูกพันทั้ง 2 ฝ่าย แต่ในกรณีที่ประกันภัยมีการระบุชื่อผู้ขับขี่ หรือยังอยู่ระหว่างการผ่อนชำระ ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายรถต้องพิจารณาความสะดวกและค่าใช้จ่ายด้านประกันภัยเพิ่มเติม ที่สำคัญคือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงต่อกรมธรรม์ควรแจ้งไปยังบริษัทประกันภัย หรือโบรกเกอร์ที่ทำประกันอยู่ให้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน ไม่เช่นนั้นอาจเป็นผลเสียร้ายแรงเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด แล้วไม่สามารถเคลมประกันภัยได้