มีเวลาเหลือแป๊ปนึงในโตเกียว เที่ยวไหนดี

25 มกราคม ค.ศ. 2024 โดย
Administrator 2

มีเวลาเหลือแป๊ปนึงในโตเกียว เที่ยวไหน​ดี

          ‘รายงานด่วนส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น พบนักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวนมากกำลังดื่มด่ำฉ่ำปอดกับการท่องเที่ยวญี่ปุ่นจนนาทีสุดท้ายก่อนเครื่องเทคออฟ’ สวัสดีครับ ‘นินนิน’ คัมแบ็คแล้วกับคอนเท้นต์เอาใจนักเดินทาง #นินนินพากินพาเที่ยว ไปญี่ปุ่นทั้งที ค่าตั๋วเครื่องก็ไม่ใช่เบา ๆ แถมยังมีข้อปฏิบัติเข้มงวดก่อนเข้าประเทศ หากไม่มีอะไรผิดพลาดได้แลนดิ้งเชื่อว่าต้องอยากเก็บให้ครบจนหยดสุดท้ายก่อนบ๊ายบายเจแปนแน่นอน จึงเป็นที่มาของบทความป้ายยาทริปญี่ปุ่นครั้งนี้หากยังพอมีเวลาเหลือสักนิดสักหน่อย เราจะไปแวะที่ไหนดี ไม่ว่าจะสายช้อป สายเน็ตไอดอลถ่ายคอนเท้นต์ สายมู สายชิล ก็มาครบแบบจัดเต็มเลยคร้าบ

          1. แวะช้อปปิ้งของฝากราคาถูกใจ ​ที่ตลาด Am​eyoko สำหรับใครที่เที่ยวมาเจ็ดย่านน้ำแล้วรำลึกขึ้นมาได้ว่าทริปนี้ มีคนที่บ้านรอของฝากอยู่ มาที่นี่เลยจ้า ตลาดอะเมโยโกะ มีครบ ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสำอาง ขนม ของกิน ของฝาก ของใช้ อาหารทะเลสด รวมไปถึงสตรอเบอร์รี่ฉ่ำ ๆ ฯลฯ ที่สำคัญคือราคาเป็นมิตร ถูกกว่าในห้างสรรพสินค้าอีกด้วย ใครอยากเก็บตกอาหารทะเลสด ๆ ก็มีแผงกางให้เราเลือกของสดไปปรุงให้ได้เลยนะ รับประทานฟีลสตรีทฟู๊ด โดยสามารถเลือกช้อปปิ้งได้ตั้งแต่ 10 โมงเช้าไปจนถึงเย็น ๆ ค่ำ ๆ เลยทีเดียว (ยกเว้นวันพุธที่ไม่แนะนำให้ไป เพราะว่าร้านจะปิดกันเยอะ)
          การเดิน​ทาง: ลงที่สถานีอุเอโนะ (Ueno Station) หรือสถานีโอคาชิมาชิ (Okachimachi Station) แล้วเดินไปไม่ถึง 5 นาทีตัวตลาดอยู่ระหว่าง 2 สถานีนี้ครับ หรืออาจนั่งรถไฟ JR Yamanote Line หรือ JR Keihin-Tohoku Line ก็ได้

(ขอบคุณภาพจาก:  https://www.gotokyo.org/en/spot/71/index.html)

          2. ถ่ายรูปชิล ๆ ไวบ์คนท้องถิ่นที่สวนสาธารณ​ะ UENO ตรงกันข้ามกับตลาด Ameyoko ก็คือสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมือง อย่าง สวนสาธารณะอุเอโนะ ที่ขึ้นทะเบียนเป็นสวนสาธารณะแห่งแรกของญี่ปุ่น ในปี 1873 โดยพื้นที่ของสวนแห่งนี้รับการอนุญาตให้สร้างขึ้นบนที่ดินของจักรพรรดิ ความยิ่งใหญ่ของที่นี่จึงเป็นมากกว่าสวนสาธารณะ เพราะว่ามีทั้ง พิพิธภัณฑ์ ศาลเจ้า สวนสัตว์ วัด อยู่ร่วมพื้นที่กัน หากใครมีเวลามากหน่อยก็ลองเยี่ยมชมสิ่งที่น่าสนใจทั้งหมดก็ได้ แต่สายชิล เก็บตกบรรยากาศซากุระช่วงนี้ เสนอให้นั่งปิ๊กนิก กินขนมชมซากุระ หรือจิบ ๆ เครื่องดื่มเย็นเจี๊ยบก็ได้ไวบ์ทิ้งท้ายสไตล์เจแปนนิสได้เหมือนกันนะ ถ้าไม่สะดวกเตรียมไป ศาลเจ้าในสวนเองก็มีขนม เครื่องดื่มให้กินจุ๊บจิ๊บได้เหมือนกันคร้าบ
          การเดินทาง: ลงที่สถานีอุเอโนะ (Ueno Station) ใช้ทางออก park exit ข้ามไปสวนได้เลย


          3. ขอพรให้ได้กลับมาเที่ยวใหม่ พร้อมช้อปเครื่องรางสายมู ที่ Meiji jingu Shrine, Harajuku เอาใจสายมู เก็บแต้มบุญกันสักหน่อยโดยที่ไม่ต้องออกไปไหนไกล เพราะว่ากลางฮาราจุกุมี ‘ศาลเจ้าเมจิ’ ตั้งอยู่ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าใจกลางความเจริญที่แอบวุ่นวายก็คือมีที่แห่งความสงบ (ขนาดใหญ่มาก) ตั้งอยู่ ที่นี่เป็นศาลเจ้าชินโตสร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่ สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ และพระจักรพรรดินีโชเคน เพื่อเป็นที่สักการะหลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์ และสามารถเข้ามาขอพร เขียนขอพรบนแผ่นป้ายไม้ (ค่าแผ่นไม้ประมาณ 500 เยน) ซื้อเครื่องราง Omamori (ให้ตัวเองเป็นที่ระลึก หรือเป็นของฝากก็เริ่ด) รวมไปถึงการทำคอนเท้นต์คอนใจ เพราะว่าในบริเวณศาลเจ้ามีมุมมหาชน อย่าง ถังสาเก เสาโทริอิไม้ขนาดใหญ่ อาคารหลักของศาลเจ้าแบบญี่ปุ่น ที่ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คของโตเกียวเลยนะ เข้ามาที่นี่บรรยากาศร่มรื่นสุด ๆ หากมีเวลาเหลือสักหน่อยไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ไม่ใช่แค่ชาวต่างชาติเท่านั้น ที่นี่เป็นที่นิยมมาขอพรของชาวญี่ปุ่นสุด ๆ เช่น ในวันปีใหม่ชาวญี่ปุ่นมักจะเดินทางมาขอพรที่นี่ในวันที่ 1 มกราคมตั้งแต่เช้ามืดกันเลย มีธรรมเนียมเรื่องการตีระฆังเป็นคนแรกเชื่อว่าจะได้รับพรแบบเต็ม ๆ ไปครอง และยังเป็นสถานที่ที่คนนิยมมาทำพิธีแต่งงานกันอีกด้วย
          การเดินทาง: นั่งรถไฟ JR ลงสถานีฮาราจูกุ (Harajuku) เดินไปหน่อยเดียวก็เจอเสาโทริอิใหญ่ ๆ เป็นสัญลักษณ์





          4. เดินเล่นคูล ๆ จิบชาในคาเฟ่ชิค ๆ ที่ ถนน Omotesando ใครเป็นสายช้อป หรือมองหาคาเฟ่ชิค ๆ ในย่านฮาราจูกุ ที่นี่คาเฟ่ชิครอให้คุณมาดื่มด่ำเครื่องดื่ม และบรรยากาศในเมือง จิกคอสตูมแน่น ๆ ออกมาลั่นชัตเตอร์กัน เพราะว่าเดินเฉย ๆ ริมฟุตบาทก็ยังได้ภาพสวย ๆ ตะโกนออกมาว่า ‘ญี่ปุ่น!’ แล้วล่ะ แถมยังมีห้างสรรพสินค้า และชอปแบรนด์เนมมากมายในย่านนี้ ไม่ว่าจะกระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า อยากละลายทรัพย์ก่อนกลับบ้านก็มาสนองนี้ดกันได้เลย ย่านนี้ก็จะมีคาเฟ่ชิค ๆ ให้นั่งเอาท์ดอร์ดื่มด่ำบรรยากาศ อย่างร้านดัง ก็มี Anniversaire Café หรือ Laduleé สำหรับคอกาแฟก็อาจจะแวะไปที่ Enseigne d'Angle หรือ Blue Bottle Coffee Aoyama Café เติมคาเฟอีนให้ร่างกายด้วยกาแฟแก้วโปรด
          การเดินทาง: นั่ง JR มาลงสถานี Harajuku Station หรือรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro มาลงสถานี Meiji-Jingumae Harajuku หรือลงสถานี Omotesando


          5. Shopping ไม่มีภาษี ที่ Akihabara แวะเมดคาเฟ่ ตู้เกม ตู้คีบ แกดเจ็ตใหม่ ๆ อีกย่านที่พลาดไม่ได้เลยสำหรับการมาเยือนญี่ปุ่น หากอยากดื่มด่ำ Japan Pop Culture ที่นี่แหละศูนย์รวมของทุกอย่าง หากเป็นสายคอสเพลย์ อนิเมะเรื่องดัง ๆ ได้ของติดไม้ติดมือแน่นอนที่อากิฮาบาระ หรือ อากิบะ เพราะว่ามีร้านจำหน่ายฟิกเกอร์ โมเดล ของเล่น มังงะ ของที่ระลึก ของสะสมหลายร้านทีเดียว หรือใครที่อยากมาช้อปเครื่องใช้ไฟฟ้า แกดเจ็ตต่าง ๆ ก็สามารถมาเช็คราคากันได้เลย เพราะว่าห้างร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าที่นี่เยอะมาก ร้านที่นี่เปิดตั้งแต่สาย ๆ ไปจนดึกเลย แต่หากมีร้านในใจอาจจะต้องเช็คเวลาเปิด-ปิดดี ๆ เพื่อไม่ให้เสียเที่ยวนะครับ และสำหรับใครที่อยากเปิดประสบการณ์ Maid Café แบบออริจินัล ได้รับการเอนเตอร์เทนจากสาว ๆ น่ารัก ๆ ก็สามารถเลือกร้านที่รีวิวปังกันมาก่อนได้ และอย่าลืมทำตามกฎของแต่ละที่ด้วยนะ เช่น การถ่ายภาพ การสั่งอาหาร เพราะกฎร้านเข้มงวดมาก ๆ นะครับ เพื่อความปลอดภัยของน้อง ๆ ที่ให้บริการด้วย
          การเดินทาง: นั่ง JR มาลงสถานี Akihabara หรือใต้ดินมาลงที่สถานี Suehirocho เดินมา 5 นาทีเท่านั้น


ซื้อประกันเดินทางกับ ttib รับ Mu wall


          6. เก็บตกมุมมหาชน สัญลักษณ์ความญี่ปุ่นในหนังทุกเรื่องที่ ห้าแยก SHIBUYA หากมีเวลาน้อยนิดแล้วอยากได้ภาพที่ตะโกนออกมาว่า “ญี่ปุ่น!” อีกที่หนึ่งก็คือ 5 แยกชิบูย่าที่ผู้คนพลุกพล่านคึกคักมากที่สุด จนประเมินว่ามีคนข้ามแยกพร้อมกันนับ 2-3 พันคนเลยทีเดียวในช่วงพีค ๆ ฉะนั้นก็เล็งกล้องดี ๆ แล้วเดินวนไป แต่ต้องระวังการเดินชนกัน หรือไปรบกวนการเดินทางของคนที่สัญจรไปมาท่านอื่น ๆ นะคร้าบ ใครพอจะมีเวลาเพิ่มอีกสัก 2-3 นาที ลองแวะไปแชะภาพกับน้องฮาจิโกะ รูปปั้นน้องหมายอดกตัญญูที่รอเจ้านายที่สถานีชิบูย่านะครับ แลนมาร์คสำคัญของญี่ปุ่นกับมุมมหาชนเท่านี้ก็ถือว่าคอมพลีทในฐานะนักท่องเที่ยวแล้ว
          การเดินทาง: รถไฟที่สถานี Shibuya แล้วไปออกที่ทางออก Hachiko Exit

 
         7. Tokyo City View แบบพาโนรามา ที่ Roppongi Hills Mori Tower เป็นชาวโตเกียวแบบสมบูรณ์แบบได้เลย เมื่อได้ขึ้นมาชมวิวเมืองแบบพาโนรามาที่นี่ แนะนำว่าให้มาที่นี่ช่วงเย็นชมพระอาทิตย์ตกและยามค่ำคืนนะครับ เราจะได้เห็นตึกและจอโฆษณาที่มีสีสันของความเป็นโตเกียว รวมถึงจะได้มองเห็น Tokyo Tower ด้วยนะ เลือกได้ว่าจะดูที่ชั้น 52 หรือขึ้นไปรับลมที่ดาดฟ้าก็ได้ จะมีค่าใช้จ่ายในการขึ้นไปอยู่ที่ 1,800 เยนสำหรับจุดชมวิวชั้น 52 และ 500 เยนสำหรับการออกไปชมบริเวณดาดฟ้า และต้องปฏิบัติตามคำแนะนำด้วย เช่น ให้ฝากของบางประเภทไว้เพื่อความปลอดภัย เปิดตั้งแต่ 10 โมง – ห้าทุ่มเลย แม้ที่นี่จะเปิดมานานกว่า 20 ปีแล้ว แต่ก็ยังเป็นมุมโปรดของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้ต้องแวะมาสักครั้ง และหากมีเวลาก็สามารถเดินชมงานศิลปะที่หมุนเวียนกันมาจัดนิทรรศการได้ด้วย
          การเดินท​าง: นั่งรถไฟลงสถานี Roppongi ได้เลย


 
         บอกเลยว่าญี่ปุ่นนี้มีดีให้เยือนทุกมุมเมือง เก็บตกเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้น่าจะเป็นไอเดียให้เพื่อน ๆ เลือกกันได้ว่าจะไปแวะที่ไหนก่อนกลับบ้านนะครับ ขอแอบ Tie-in นิดนึงว่านอกจากสกู๊ปท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์แล้ว ประกันภัยดี ๆ ราคาโดนก็มีที่ TT Insurance Broker โบรกเกอร์ประกันภัยสัญชาติญี่ปุ่นที่เปิดให้บริการชาวไทย ทั้งประกันรถยนต์ ประกันเดินทาง ประกันอุบัติเหตุ ประกันภัยสำหรับธุรกิจ ฯลฯ แบบจัดเต็ม เพราะรวบรวมผลิตภัณฑ์ประกันภัยจากบริษัทชั้นนำ และบริการด้วยความจริงใจจากผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัย ทำความรู้จักเรา หรือติดต่อสอบถามด้านประกันภัยได้ที่ Facebook page: TT Insurance Broker, Line official: @TTIB, www.ttib.co.th หรือ หมายเลขโทรศัพท์ 02-248-4848 วันจันทร์-ศุกร์ในเวลาทำการ 08.30-17.00 น.


แชร์โพสต์นี้


Added to cart