ไปญี่ปุ่น! ลุยแดนแอนิเมชัน เติมฝันที่ STUDIO GHIBLI PARK
เแฟนคลับแอนิเมชันจากรั้ว Studio Ghibli ต้องห้ามพลาด! ไปญี่ปุ่นทั้งทีแพลนล่วงหน้าไปเยือน Studio Ghibli Theme Park สักครั้งให้หนำใจ สกู๊ปวันนี้แวะมาที่ญี่ปุ่นอีกครั้ง เอาใจนักเดินทางที่ชื่นชอบการ์ตูนเรื่องดัง อย่าง The Secret World of Arrietty, Spirited Away, Ponyo (Ponyo on the Cliff by the Sea) และอีกมากมาย ที่นี่เป็นสวนสนุกของสตูดิโอจิบลิ แห่งแรกในญี่ปุ่น แต่แม้จะเรียกว่าเป็นสวนสนุก แต่ที่นี่ไม่มีเครื่องเล่นนะครับ มีเซ็ตติ้ง งานละเอียดกริ๊บเหมือนหลุดมาจากแอนิเมชัน และตัวละครตัวโปรด ให้คุณเข้ามาเดินในซีนพร้อมกับถ่ายภาพกับตัวละครในจุดต่าง ๆ แต่ต้องบอกว่าจะเข้าไปเยี่ยมชมได้นั้น ไม่ใช่ว่าจะไปกันง่าย ๆ ทางสตูดิโอมีมาตรการเรื่องการจำกัดจำนวนผู้เข้าชม และที่สำคัญคือคิวเต็มไวมาก
Studio Ghibli Park อยู่ที่จังหวัดไอจิ (Aichi) ทางทิศตะวันออกของเมืองนาโกย่า เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2561 ก่อนจะเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา สวนแห่งนี้มีพื้นที่กว้างถึง 71,000 ตรม. โดยการก่อสร้างสวนสนุกใช้งบประมาณกว่า 34,000 ล้านเยน หรือประมาณ 9,100 ล้านบาท เรียกว่าเป็นการลงทุนมหาศาลทีเดียว อย่างไรก็ตามถือเป็นการพลิกการท่องเที่ยวของจังหวัดไอจิให้คึกคักขึ้นมามากเลย เพราะว่าก่อนหน้านี้ที่นี่อาจะเป็นเพียงทางผ่านสำหรับนักท่องเที่ยว แต่เมื่อมีการก่อสร้างสตูดิโอจิบลิขึ้น ก็ทำให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวในฝันที่แทบไม่มีคิวว่าง บริเวณของสวนแบ่งเป็น 5 โซนคือ Ghibli’s Grand Warehouse, Hill of Youth และ Dondoko Forest ที่เปิดให้บริการแล้ว ณ ปัจจุบัน (ม.ค.2566) ส่วนอีก 2 โซน คือ The Mononoke Village (คาดว่าเปิดปลายปี 2566) และ Valley of Witches (คาดว่าเปิดในปี 2567)
เริ่มต้นเลยเราไปดูข้อมูลเพื่อให้รู้จัก Ghibli Park สำหรับการเตรียมวางแผนมาที่นี่กันครับ ที่พูดเสมอว่าเป็นการวางแผนเพราะว่าข้อสำคัญเลยคือต้องครอบครองตั๋วให้ได้ก่อนเดินทาง ที่นี่ไม่มีการจำหน่ายตั๋วที่หน้างานนะครับ จองล่วงหน้าเท่านั้น และตั๋วก็ฮอตมาก อย่างการเช็คที่หน้าเว็บไซต์ทางการ ณ ปลายเดือนมกราคม ก็คือตั๋ว SOLD ไปถึง เมษายนแล้ว และสำหรับการจองเพื่อเข้าชม 1-31 พฤษภาคม 2566 เปิดจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 14.00 น. ที่จะถึงนี้นะครับ ใครมีแพลนไปเที่ยวที่นี่เตรียมตัวได้เลย
ที่ตั้ง : Aichi Expo Memorial Park, 1533-1 Ibaragamama Otsu, เมืองนากาคุเตะ (Nagakute), จังหวัดไอจิ (Aichi) หรือ ทางทิศตะวันออกของเมืองนาโกย่า
เวลาทำการ :
• วันธรรมดา 10.00 – 17.00 น.
• วันธรรมดาในช่วงวันหยุดยาว วันเสาร์ วันอาทิตย์ วันหยุด 09.00 – 17.00 น.
• หยุดทุกวันอังคาร
วิธีเดินทาง : สถานี Nagoya นั่งรถไฟสาย Higashiyama ทางไป Fujigaoka ลงที่สถานีFujigaoka จากสถานี Fujigaoka นั่งรถไฟสาย Linimo ทางไป Yakusa ลงที่สถานี Ai-Chikyuhaku-Kinen-Koen ออกที่ประตู 2 ถึงสวน Ghibli Park เลย
การซื้อตั๋ว : ซื้อผ่านเว็บไซต์ official ทั้ง Domestic Tickets ของนักท่องเที่ยวที่อยู่ในญี่ปุ่น และ International Tickets สำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่อยู่นอกญี่ปุ่น ก็จองได้แล้วที่ https://ghibli-park.jp/en/ticket/ หรือออนไลน์กับ Lawson https://l-tike.com/st1/ghibli-pk-en/Tt/Ttg010agreement/index หรือสำหรับคนที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น ซื้อได้ที่ Boo-Woo Ticket, เครื่อง Loppi ที่ Lawson และ Ministop ทั่วประเทศ
ข้อระวัง! หน้าเว็บไซต์ official มีการแจ้งเตือนเอาไว้เลยว่าเพื่อป้องกันการ resale เจ้าหน้าที่อาจจะมีสุ่มตรวจชื่อว่าตรงกับในพาสปอร์ตด้วย ใครที่ซื้อมาแบบเป็นกลุ่มเพื่อน หรือครอบครัวก็ควรเข้ามาในบริเวณสวนพร้อมกันเพื่อการตรวจสอบด้วย
ราคาตั๋ว : จำหน่ายแยกในแต่ละโซน และมีบวกค่าทำเนียมสำหรับการออกตั๋วแต่ละครั้ง 110 เยน ราคาตามนี้เลย
เราไปดูกันดีกว่าว่าข้างในมีแต่ละโซนมีไฮไลท์อะไรรออยู่บ้าง น่าตื่นตาตื่นใจขนาดไหน
1. Ghibli’s Grand Warehouse
ถือเป็นโซนหลักที่มาแล้วต้องห้ามพลาด ที่นี่เป็นแวร์เฮาส์ หรือโกดังขนาดใหญ่ที่ประกอบไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ สนามเด็กเล่นให้เด็ก ๆ ห้องจัดแสดงนิทรรศการ และโรงภาพยนตร์ขนาด 170 ที่นั่ง โดยฉายแอนิเมชั่น 10 เรื่องที่สร้างโดย Ghibli นอกจากนั้นยังมีฉากจำลองมาจากเรื่องต่าง ๆ หนาแน่นทีเดียวในพื้นที่นี้ อาทิ Spirited Away เราก็จะได้เจอกับน้องคาโอนาชิ ปีศาจ No Face นั่งอยู่แบบเหงา ๆ รอเข้าไปถ่ายภาพด้วย รวมไปถึงแม่มดยูบาบาที่เปิดห้องทำงานให้ได้ชมกัน และมีมุมโตโตโร่-เนโกะบัส, ห้องนอน Arrietty, Ponyo ฯลฯ ที่เดียวก็จุก ๆ แล้ว
2. Hill of Youth
จริง ๆ แล้วโซนนี่อาจจะได้เจอก่อนใครก็เพราะว่าเป็นจุดที่ลงมาจากรถก็ตรงเข้ามาที่ Elevator Tower โซนนี้น่าจะได้แรงบันดาลใจจาก Howl’s Moving และ Castle in the Sky สังเกตได้จากหอสังเกตการณ์และลิฟต์ในอาคาร ตกแต่งแนว Steampunk เดินลงมาด้านล่างเราจะพบอุโมงค์ความฝันของ Shizuku และมีร้าน Chikyu-ya ของคุณลุง Nishi Shiro ในเรื่อง Whisper of the Heart จุดเช็คอินอีกอย่างของโซนนี้ คือ ป้ายรถเมล์ ลองไปยกหูโทรศัพท์และฟังเสียงดูนะครับ
3. Dondoko Forest หรือโซนป่าร่มรื่น
ที่จำลองทิวทัศน์บรรยากาศเรื่อง My Neighbor Totoro ฉากเต้นรำใต้ต้นไม้ใหญ่ของซัตสึกิ เมย์จัง และโทโทโร่ เพื่อขอพรให้เมล็ดพืชที่หว่านไปแตกหน่อเติบโตขึ้น แต่การเข้าไปใน Dondoko-do นั้นอนุญาตให้เฉพาะเด็ก ๆ นะครับ โซนนี้มีรถรางให้นั่งชมสวนป่าดงโดโกะด้วยนะ ถัดมาก็จะมีบ้านของซัตสึกิ เมย์จังที่แสนอบอุ่น มีองค์ประกอบเด๊ะ ๆ ตามแอนิเมชัน ไม่เชื่อก็ลองไปดูดีเทลได้เลย
ส่วนอีก 2 โซนที่ยังไม่ได้เปิด ก็คือ Mononoke’s Village โซนนี้ได้แรงบันดาลใจจากแอนิเมชันเรื่อง Princess Mononoke และ Valley of Witches โซนนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากอนิเมชัน Kiki’s Delivery Service และ Howl’s Moving Castle
ท้ายที่สุด เดินทางเมื่อใด เพิ่มความมั่นใจให้ทริปราบรื่นด้วยประกันเดินทางต่างประเทศ ซื้อกับ TTIB มีโปรจัดเต็มตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคม 2566 (รับประกันโดย MSIG) ดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลแบบไม่ต้องสำรองจ่าย คอลเซนเตอร์ให้ความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง คุ้มครองคุณจากการเลื่อนไฟลท์บิน หรือกระเป๋าหาย ฯลฯ หากสนใจทำประกัน คลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมและซื้อออนไลน์ได้ด้วยตัวเอง ที่ https://psmart.msig-thai.com/ttib/travel หรือทักแชทคุยกับเจ้าหน้าที่ Line official: @TTIB แล้วเจอกันใหม่สกู๊ปหน้านะครับ
แถม ๆ Studio Ghibli ในวันที่หิมะโปรยปราย
and then Add to Home Screen.
