How to ขับรถหน้าฝนปลอดภัย ไม่ ‘เหินน้ำ’

May 24, 2024 by
Administrator 2

How to ขับรถหน้าฝนปลอดภัย ไม่ ‘เหินน้ำ’

          เข้าสู่ฤดูกาลแห่งความชุ่มฉ่ำอย่างสมบูรณ์แบบแล้วในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะเวลาเลิกงานเราอาจจะต้องเตรียมรับมือกันเป็นพิเศษเหมือนมาตามนัด ส่วนนินนินเองขอต้อนรับฤดูฝนด้วยความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนด้วยบทความและความห่วงใย How to ขับรถหน้าฝนให้ปลอดภัย ไม่เหินน้ำ เทคนิคการขับรถเลี่ยงความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุจากการที่ฝนตกน้ำท่วมขังบนพื้นผิวจราจร หรือใครที่ไม่รู้จักหรือไม่เคยประสบกับอาการ ‘เหินน้ำ’ ว่าเป็นอย่างไร มีความอันตรายแค่ไหน และหากเกิดเหตุต้องรับมืออย่างไรไม่ให้ร้ายแรง นินนินมีแนวทางมาแนะนำครับ

          ส่งต่อโปรดี ๆ ในฐานะโบรเกอร์ประกันภัย หายห่วงเมื่อมีประกันรถยนต์ติดไว้ ความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าซ่อมทั้งรถเราและรถเพื่อนร่วมทาง เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจะได้มีประกันรองรับความเสี่ยง แนะนำประกันชั้น 2+ คุ้มครองแบบไม่มีค่าเสียหายส่วนแรก ซ่อมทั้งรถเราและรถเขา ทุนประกัน 100,000 บาท เบี้ยประกันเริ่มต้น 5,499 บาทต่อปี แชทกับเจ้าหน้าที่

แชทกับเจ้าหน้าที่


อาการรถเหินน้ำ

          ‘เหินน้ำ’ (Aquaplaning หรือ Hydroplaning) คืออะไร? อาการรถเหินน้ำ คือ อาการสูญเสียการควบคุมของตัวรถ แฉลบ ปัด ไม่สามารถเบรคได้ เกิดขึ้นขณะขับรถบนพื้นผิวจราจรที่มีน้ำขัง พื้นเปียกจนล้อไม่สามารถสัมผัสและยึดเกาะกับตัวถนนได้ เนื่องจากน้ำ หรือน้ำและดิน-โคลน เข้ามาแทรกระหว่างล้อรถยนต์กับถนน จนส่งผลให้การควบคุมรถเป็นไปได้ยากจนถึงการสูญเสียการควบคุมโดยสิ้นเชิง นำไปสู่อุบัติเหตุที่ร้ายแรงเลยทีเดียว 

 


ขับรถบนถนนลื่น

          เมื่อมีปัจจัยหลัก ๆ คือพื้นถนนเปียก ไม่ว่าจะด้วยเหตุฝนตก ท่อน้ำแตกรั่วมาพื้นถนน หรืออื่น ๆ ก็สามารถทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้ครับ ผู้ใช้รถใช้ถนนพึงระมัดระวังอยู่เสมอแม้นอกฤดูฝน หากสังเกตว่าพื้นผิวมีความเปียก มีน้ำท่วมขัง หลังฝนตก ยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังไว้เลย เพราะว่าส่วนมากคนที่เคยเจอเหตุการณ์รถเหินน้ำครั้งแรก มักจะตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก และยิ่งทำให้เกิดความสูญเสียรุนแรงขึ้น แล้วต้องทำยังไงเพื่อป้องกันไม่ให้ประสบอาการเหินน้ำ นินนินขอแชร์ดังนี้นะครับ


1. ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง สังเกตเส้นทาง-เหตุการณ์ข้างหน้าอยู่เสมอ
2. ลดความเร็วขณะขับขี่ เมื่อเห็นว่าฝนตก หรือถนนเปียก
3. หากเลี่ยงได้ ให้เลี่ยงขับรถผ่านบริเวณน้ำท่วมขัง แอ่งน้ำ แต่หากจำเป็นต้องผ่านให้ใช้ความเร็วต่ำมาก ๆ ขณะขับผ่าน
4. จับพวงมาลัยให้มั่น เพื่อควบคุมรถยนต์ให้ทันสถานการณ์หากเกิดเหตุคับขัน 
5. หากพบว่ารถเสียการควบคุม ไถล แฉลบ ออกนอกเส้นทาง ห้ามแตะเบรคแรง ๆ ให้ค่อยๆ ลดความเร็ว บังคับพวงมาลัยให้แข็ง ปล่อยรถให้ชะลอตัว เมื่อใช้ความเร็วต่ำจะทำให้ล้อยึดกับถนนได้แนบสนิท และรีดน้ำออกได้ดีกว่าขณะที่รถมีความเร็วสูง และช่วยลดการลื่นได้


อาการรถเหินน้ำ ขับยังไง

ปัจจัยที่ทำให้รถเหินน้ำได้ง่ายนอกจากถนนเปียกแล้วยังมีข้ออื่น ๆ อีก เช่น
1. ดอกยางรถยนต์ หากดอกยางเหลือน้อยแล้ว ประสิทธิภาพของการยึดเกาะกับถนนก็น้อยตามลดไปด้วย เพราะว่าตัวดอกยางจะช่วยรีดน้ำออกจากล้อ ควรตรวจสภาพรถและเปลี่ยนยางรถตามรอบการใช้งาน (เฉลี่ยที่ 3 ปี)
2. ล้อรถยนต์ หากเป็นล้อหน้ากว้างก็จะช่วยลดโอกาสการเกิดเหตุการณ์เหินน้ำได้
3. น้ำหนักรถ รถที่มีน้ำหนักมาก หรือมีการบรรทุกสิ่งของสูง มีผลต่อการเสียการทรงตัว หากเกิดเหตุเหินน้ำก็จะควบคุมได้ยากขึ้น
4. ความเร็วในการขับขี่ ปัจจัยที่สำคัญต่อระยะเวลาในการรีดน้ำออกจากล้อ ยิ่งขับรถด้วยความเร็วมากเท่าไหร่ก็จะรีดน้ำออกจากล้อได้ยากมากขึ้นเท่านั้น จึงยิ่งเพิ่มโอกาสในการเกิดเหตุการณ์รถเหินน้ำ
5. พื้นผิวถนนมีผลต่อการยึดเกาะ พื้นผิวเรียบแบบคอนกรีดมีโอกาสในการเหินน้ำมากกว่าพื้นถนนที่มีส่วนผสมของยางมะตอย

          ในสัปดาห์ข้างหน้านี้ตามพยากรณ์อากาศจะมีฝนตกในหลายพื้นที่ครับ อย่าลืมใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวังและที่สำคัญควรมีประกันติดรถยนต์ไว้ตามตอนต้นที่นินนินแอบโฆษณา ไม่ว่าจะเป็นประกันชั้นไหนอุ่นใจในการทำประกัน หรือสอบถามข้อมูลกับ TTIB ได้เลย เราพร้อมแนะนำแพ็คเกจและโปรโมชั่นที่ตรงใจ สบายกระเป๋าให้คุณ รายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องความคุ้มครองหรือเงื่อนไขการทำประกันภัย สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัยรถยนต์ของ TT Insurance Broker ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายที่ช่องทางการติดต่อ Facebook page: TT Insurance Broker, Line official @TTIB, TT Insurance Broker, Line official @TTIB, www.ttib.co.th หรือ หมายเลขโทรศัพท์ 02-248-4848 วันจันทร์-ศุกร์ในเวลาทำการ 08.30-17.00 น.

Share this post


Added to cart